โทเมซิงค์

ไลโคปีน กับ โรคต่อมลูกหมากโต และโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

      โรคต่อมลูกหมากโต เป็นสาเหตุเริ่มต้นของการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้ เป็นโรคที่พบบ่อยในเพศชาย โดยทั่วไปพบมากที่อายุ 50 ปีขึ้นไป (สามารถพบได้ในคนที่อายุน้อยกว่า 50 ปี) ทั่วโลกขณะนี้มะเร็งต่อมลูกหมากพบเป็นอันดับ 2 ของมะเร็งที่พบในเพศชายทั้งหมด รองจากอันดับที่ 1 คือ มะเร็งปอด ส่วนในประเทศไทยพบมะเร็งต่อมลูกหมากเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งที่ทำให้เพศชายเสียชีวิตเป็นอันดับที่ 2 รองจากมะเร็งปอดเช่นกัน ซึ่งในปี 2557 มีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งต่อมลูกหมาก ถึง 29,480 คน (ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558) โดยจุดเริ่มต้นของการเกิดความผิดปกติของโรคต่อมลูกหมากโต และ มะเร็งต่อมลูกหมากนั้น มาจากอนุมูลอิสระ ซึ่ง อนุมูลอิสระนี้จะเป็นตัวทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายและเซลล์ต่างๆในร่างกาย ทำให้เกิดการเสื่อมของอวัยวะ เช่นที่มองเห็นชัดเจนที่สุด คือ ริ้วรอยและความแก่ ซึ่งอนุมูลอิสระนี้อยู่ในร่างกายเราตั้งแต่แรกเกิด แต่ร่างกายสามารถจัดการขับออกมาได้ ต่อมาเมื่ออายุมากขึ้น มีความเครียดหรือ เกิดการเจ็บป่วย ร่างกายจะไม่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ได้ จนทำให้อนุมูลอิสระโจมตีเยื่อหุ้มเซลล์และทำให้เกิดการทำงานผิดปกติ เช่น มีการเจริญเติบโตผิดปกติ เป็นต้น

         โรคต่อมลูกหมากโต เป็นโรคที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของเนื้อเยื่อในต่อมลูกหมาก ทำให้เนื้อเยื่อมีขนาดโตขึ้นผิดปกติ ซึ่งโดยปกตินั้น ต่อมลูกหมากจะห่อหุ้มท่อทางเดินปัสสาวะส่วนบนไว้ เมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นผิดปกติ จะส่งผลให้ต่อมลูกหมากเกิดการไปเบียดและกดท่อทางเดินปัสสาวะ จึงทำให้ผู้ที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโต มีอาการทุกข์ทรมานจากการปัสสาวะไม่ออก หรือ การขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่พุ่ง ต้องเบ่งปัสสาวะหรือปัสสาวะไม่สุด บางรายมีอาการมากจนถึงปัสสาวะเป็นเลือด และถ้าปล่อยให้โรคต่อมลูกหมากโตลุกลามจนก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะทำให้เกิดอันตรายจนเสียชีวิตได้

         ดังนั้นอาหารที่มี สารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีความสำคัญและจำเป็นมากในการป้องกันและรักษาโรค ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญมากอีกตัว ก็คือ ไลโคปีน (Lycopene) นั่นเองคะ

ไลโคปีนคืออะไร

         ไลโคปีน (Lycopene) คือ สารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ชนิดหนึ่ง เป็นสารสีแดงที่ละลายได้ดีในไขมัน พบได้มากที่สุดในมะเขือเทศ ผักสารพัดวิตามินที่มีประโยชน์มากๆในการต้านอนุมูลอิสระและมีสรรพคุณทางยา นอกจากนี้ยังพบไลโคปีนใน ฝรั่ง แตงโม ส้ม มะละกอ แครอท ส้มโอสีชมพู หรือ ฟักข้าว รวมถึงผลไม้สีแดงต่างๆ (ยกเว้น สตรอเบอร์รี่และเชอร์รี่) แต่ไม่พบในสัตว์ สารไลโคปีนนี้ร่างกายของคนเราไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้ เราจึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีไลโคปีนจากผักและผลไม้เหล่านี้เข้าไปเสริมให้ร่างกายในทุกวัน

สารสกัดมะเขือเทศมีไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศสด

         โดยปกติใน 1 วันเราควรได้รับไลโคปีนอย่างน้อย 6.5 มิลลิกรัม ซึ่งปริมาณนี้ จะเท่ากับการรับประทานมะเขือเทศ ประมาณ 300-700 กรัมต่อวัน เพราะมะเขือเทศสด 100 กรัม โดยเฉลี่ยแล้วจะมีไลโคปีน ประมาณ 0.88-4.20 มิลลิกรัม และที่สำคัญและน่าสนใจ คือ ไลโคปีนในมะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการความร้อนจะมีการเปลี่ยนรูปและการยึดเกาะระหว่างไลโคปีนกับเนื้อเยื่อมะเขือเทศ ทำให้ละลายได้ดีขึ้นและร่างกายนำไปใช้ได้ดีขึ้น ซึ่งเมื่อเรียงลำดับ ไลโคปีนในมะเขือเทศจาก “มาก” ไปหา “น้อย” ได้ดังนี้ ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น > มะเขือเทศผง > ซอสมะเขือเทศ > น้ำมะเขือเทศ > ซุปมะเขือเทศ > มะเขือเทศปรุงสุก > มะเขือเทศสด

ข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า มะเขือเทศสดๆ กลับมีไลโคปีนน้อยกว่า มะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการแปรรูป ดังนั้นการรับประทานมะเขือเทศ ที่ผ่านการปรุง หรือ การสกัดผ่านความร้อน จะมีไลโคปีนเข้มข้นมากกว่า การรับประทานมะเขือเทศสด แต่การรับประทานมะเขือเทศสดก็จะได้วิตามินและเกลือแร่มากกว่า นั่นเอง

โทเมซิ่ง Tomazing สมุนไพรไทย สารสกัดไลโคปีนต้านอนุมูลอิสระ

         โทเมซิง เป็นสมุนไพรไทยที่สกัดมาจากมะเขือเทศเป็นหลัก มีสารไลโคปีนเข้มข้น ซึ่งสารไลโคปีนนี้ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงทำหน้าที่ในการต้านอนุมูลอิสระของร่างกาย และเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่มีความเครียดสูง ซึ่งการรับประทานไลโคปีนในทุกวัน นอกจากจะช่วยต้านอนุมูลอิสระแล้วยังสามารถยับยั้งเอนไซม์สำคัญที่ใช้ในการสังเคราะห์โคเลสเตอรอล โดยมีผลไปเร่งสลายโคเลสเตอรอลชนิดเลว คือ แอลดีแอล (Low Density Lipoprotein : LDL) ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ไลโคปีนยังช่วย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ช่วยป้องกันโรคหลอดหลอดแดงแข็งตัว ละลายไขมันที่เกาะตามผนังหลอดเลือด ช่วยสร้างสมดุลให้แก่ร่างกาย ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดภาวะเครียด สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย 

         การรับประทานไลโคปีนในปริมาณสูงไม่มีผลข้างเคียง แต่ยังช่วยลดริ้วรอยและชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ ช่วยป้องกันและยับยั้งมะเร็ง ซึ่งจากการศึกษาพบว่ามีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่าไลโคปีนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ได้ โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร เช่น จากการศึกษาวิจัยทางคลินิก ในวารสาร วิจัยมะเร็ง ปี พ.ศ. 2542 พบว่า ผู้ชายร้อยละ 83 มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ลดลง เมื่อได้รับสาร ไลโคปีน อยู่ในเลือดสูงถึง 0.04 ไมโครกรัมต่อลิตร หรือเทียบเท่ากับการรับประทานผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะเขือเทศ เช่น ซอสมะเขือเทศ 2 ครั้งต่อสัปดาห์

         ดังนั้น การรับประทานอาหารที่มีสารไลโคปีนทุกชนิดนับว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ไลโคปีนเข้มข้นก็สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรค เสริมภูมิต้านทานของร่างกาย โดยเฉพาะเพศชายที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่อมลูกหมากโตและ มะเร็งต่อมลูกหมากจึงมีความจำเป็นอย่างมากในการหมั่นดูแลและรักษาสุขภาพด้วยวิธีการง่ายๆ และสามารถรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอาหารที่มีสารไลโคปีนต้านอนุมูลอิสระทุกวัน เพราะสารไลโคปีนนี้ ร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์เองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่เรารับประทาน การเลือกใช้สมุนไพรไทยที่มีสารไลโคปีนเข้มข้นจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในยุคเร่งรีบในปัจจุบันในการดูแลสุขภาพ ซึ่งย่อมดีกว่า การใช้ยาซึ่งมีผลข้างเคียงต่อตับและไต รวมทั้งผลข้างเคียงอื่นๆมากมาย

สนใจเรื่องราวดีๆของสมุนไพรไทย สามารถติดตามได้ที่ www.innoherb.com นะคะ

Keyword : #ไลโคปีน#อนุมูลอิสระ #มะเขือเทศ #ต่อมลูกหมากโต #มะเร็งต่อมลูกหมาก